ได้เวลาอวดเรือนร่างและเรียวขางามตามชายหาดกันอีกแล้วนะคะ ร้อนนี้คิดไว้หรือยังว่าจะไปรับลมทะเลที่ไหนดี จะเลือกชุดว่ายน้ำแบบไหนที่จะช่วยให้สวยได้อย่างใจ แต่สิ่งที่สำคัญที่จะทำให้สวยสมบูรณ์แบบคือ การกำจัดขนส่วนที่ไม่ต้องการออก จะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังให้เสียความมั่นใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่สาว ๆ หลายคนแวะเข้ามาถามวิธีการจัดการในกระทู้อยู่บ่อย ๆ เราลองมาดูวิธีการจัดการกับปัญหานี้กันดีกว่าค่ะ....
การกำจัดขนด้วยมีดโกนธรรมดา และมีดโกนไฟฟ้า
การโกนเป็นวิธีการกำจัดขนที่ง่าย เร็ว และใช้งบน้อย แถมยังไม่สร้างความเจ็บปวดให้ ยกเว้นบางครั้งที่อาจเกิดรอยขีดข่วนหรือโดนคมมีดบาดเล็กน้อย ในทางกลับกันการโกนขนจะทำให้ขนขึ้นเร็วกว่าวิธีอื่น ดังนั้นถ้าคิดจะใช้วิธีนี้ก็ต้องขยันทำบ่อย ๆ โดยเฉพาะขนบริเวณใต้รักแร้ที่จะงอกเร็วกว่าขนบริเวณขาหรือแขนถึง 2 เท่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีความหนาแน่นของขนมากกว่ากัน หากใช้มีดโกนไฟฟ้า ต้องให้ผิวหนังบริเวณแห้งก่อน (ต่างจากการโกนด้วยมีดโกนธรรมดาที่ต้องให้ผิดเปียก) เพราะถ้าผิวหนังเปียกอาจทำให้ผิวไหม้หรือถูกไฟช๊อตได้ และควรใช้ระบบ 2 ใบมีด ที่สามารถเปลี่ยนใบมีดได้เพื่อสุขอนามัยที่ดีค่ะ
ชูการ์ริ่งแวกซ์
เป็นการกำจัดขนแบบโบราณ แต่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะไม่ต้องทนร้อนมากเหมือนการแวกซ์แบบอื่นที่ใช้อุณหภูมิในการละลายขี้ผิ้งสูง น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมหลักจะยึดติดแต่เพียงขนเท่านั้น ไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นการรบกวนผิวหนัง ปัจจุบันได้มีการบรรจุแวกซ์ชนิดนี้ลงในกระปุก เพื่อให้ลูกค้าซื้อไปทำเองได้ที่บ้าน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่ชอบเข้าร้านบริการ และเป็นการช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางด้วย
บราซิลเลี่ยนบิกินี่แวกซ์
เป็นการกำจัดขนในส่วนที่เปิดเผยได้อย่างเกลี้ยงเกลา (ยกเว้นบริเวณอวัยวะเพศ) บรรดาสาวรักสะอาดจะนิยมชมชอบการแวกซ์แบบนี้มาก เพราะทำให้รู้สึกสะอาด เกลี้ยงเกลา และมั่นใจ เมื่อสวมใส่ชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นในแบบไฮคัต (High-cut) แน่นอนว่าวิธีนี้ไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่การเดินเข้าร้านเพื่อกำจัดขนอาจต้องใช้ความกล้าสักหน่อย เพราะสาว ๆ จะต้องกลับมาใส่ชุดวันเกิดกันอีกครั้ง คราวนี้คนที่จะเห็นอะไรต่อมิอะไรก็คือเจ้าหน้าที่ความงามที่จะเสกให้เราสะอาดสะอ้านสมใจ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างจริง ๆ วิธีเก่าแก่ของบราซิลเลี่ยนแวกซ์จะรวมถึงการกำจัดขนบริเวณบิกินี่ไลน์ทั้งสองข้างและบริเวณทวารหนักด้วย
ออร์แกนิกแวกซ์
ถ้าผิวแพ้ง่ายควรเลือกวิธีนี้เพราะเป็นขี้ผึ้งที่สกัดจากธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ไม่บวมแดง และไม่คัน
วิธีการกำจัดขนแบบกึ่งถาวร
การกำจัดขนที่เข้าข่ายกำจัดขนถาวรหรือกึ่งถาวร วิธีการกำจัดขนในปัจจุบัน มีอยู่ไม่กี่วิธีที่ได้ผล แบ่งตามความสามารถในการกำจัดขนโดยดูจำนวนขนที่งอกใหม่ต่อจำนวนเส้นขนเดิม จากน้อยไปมากสุด ได้ดังนี้
การกำจัดขนด้วยวิธีจี้ด้วยไฟฟ้า ที่เรียกว่า Epilations คือ การปล่อยคลื่น microwave ไปตามแนวเส้นขน เพื่อทำลายเซลล์สร้างขน โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Epiltron ซึ่งมีลักษณะเป็นครีมหนีบเส้นขนทีละเส้น แล้วปล่อยคลื่น microwave ช่วงสั้น (แตกต่างกันแล้วแต่ยี่ห้อ)
- มีการขนถ่ายพลังงานไปตามแนวเส้นขน จนถึงบริเวณกระเปาะผม ซึ่งมีโมเลกุลของน้ำ บริเวณ hair shaft เป็นตัวเก็บพลังงาน
- พลังงานที่กักเก็บไว้ ได้แปรสภาพเป็นพลังงานความร้อน ประมาณ 149 องศาฟาเรนไฮต์ ซึ่งมีผลทำให้ เซลล์ขน (papilla cells) ถูกทำลาย และทำให้เกิดการแข็งตัว (Coagulations) ของโปรตีน ทำให้เซลล์ขนและเนื้อเยื่อข้างเคียงแปรสภาพ
- หลังจากนั้น วงจรในการเติบโตของเส้นขน จะหยุดชะงัก จากระยะ Anagen ไปยังระยะ Telogen และขนหลุดร่วงไป และวงจรการสร้างขนใหม่ถูกรบกวน ทำให้ขนไม่งอกขึ้นมาใหม่ได้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า หลักการกำจัดขนด้วยวิธี Epilations ค่อนข้างเสียเวลา ทั้งคนไข้และแพทย์ที่รักษา เนื่องจากต้องใช้คีม คีบขนทีละเส้น ซึ่งทำได้ง่ายถ้าขนบางและจำนวนไม่มากนัก แต่ถ้าขนดกดำ เส้นใหญ่ เช่น หนวดเครา ต้องเพิ่มพลังงานขึ้นอีก อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดได้บ้าง ขณะปล่อยพลังงานเข้าไปที่เส้นขน และพบว่า การกำจัดขนด้วยวิธีนี้ จะเหมาะกับบริเวณขนที่บาง และปริมาณไม่มาก แต่ก็มีอัตราการเกิดขนได้ใหม่ ภายใน 10 ปี ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับการกำจัดขนด้วย IPL laser จะได้ผลดีกว่าและสะดวกกว่า
การกำจัดขนถาวรด้วยเลเซอร์ เป็นการรักษาความงามที่มีวิวัฒนาการก้าวหน้ามากกว่า และได้ผลดีกว่าการทำการจี้ด้วยไฟฟ้า เนื่องจากการจี้ด้วยไฟฟ้าหรือ Epilations ต้องใช้เวลามาก และต้องจี้ทีละต่อมขน และต้องมีความชำนาญ ทั้งแพทย์และคนไข้ต้องใช้ความอดทนระดับสูง
- การกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ใช้การผ่านลำแสงเฉพาะ และกำหนดขอบเขต ความลึก และใช้ความแตกต่างของสีขน และสีผิวเนื้อ ซึ่งมีความแตกต่างกันในแง่เม็ดสี เป็นตัวกำหนดความแม่นยำ
- ชนิดของเลเซอร์ที่ใช้ คือ Alexandrite laser ขนาด 500 nm diode laser หรือ ruby laser 694 nm โดยใช้หลักการที่ว่า ลำแสงเลเซอร์ที่ยิงไปบริเวณที่ต้องการกำจัดขน จะไปเปลี่ยนแปลงและรบกวนการเจริญเติบโตของผมระยะ Anagen ไปสู่ระยะ Telogen ดังนั้น หลังทำเลเซอร์กำจัดขน ขนจะค่อย ๆ ร่วงหลุดไป และขนใหม่ที่ขึ้นมาก็จะเส้นเล็กลง และหลุดร่วงง่าย
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดได้ก็คือ รอยแผลเป็น การเจ็บปวด หรือแผลไหม้จากเลเซอร์ ถ้าเลือกขนาดผิดหรือขาดความชำนาญในการทำ และแนะนำให้ปิดตา เพื่อป้องกันเลเซอร์มีผลต่อดวงตา
การกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL ถือเป็นวิวัฒนาการล่าสุด และได้มีการกำจัดขนด้วยวิธีนี้กันอย่างแพร่หลาย เทคนิคในการกำจัดขนด้วย IPL ก็คือ การปล่อยคลื่นความถี่ของแสง เช่น 765 nm ซึ่งช่วงคลื่นดังกล่าวจะไปจับเฉพาะสีดำของแกนเส้นขน และจะปล่อยพลังงานและทำลายเซลล์ที่ทำให้เส้นขนเจริญเติบโต (germinated cells) บริเวณกระเปาะผม ทำให้เส้นขนใหม่ไม่สามารถเกิดได้ นอกจากนี้ยังต้องมีการพิจารณาเลือกช่วงคลื่นที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเส้นขนแต่ละที่ โดยคำนึงถึงขนาด สีขน และความลึกของรากขน ซึ่งสามารถคัดกรองด้วยฟิลเตอร์ในการกำจัดช่วงคลื่น โดยจะพิจารณาจากลักษณะสีของขน ตำแหน่งของขน เช่น หนวด เครา ขนตามแขนขา หรือตามลำตัว ซึ่งแตกต่างจากเลเซอร์ที่ใช้การกำจัดขนเพียงช่วงคลื่นเดียว ทำให้กำจัดขนได้ไม่เกลี้ยงเกลาเท่าเครื่อง IPL
- ข้อดีในการกำจัดขนด้วยวิธีนี้ ก็คือ พบผลข้างเคียงน้อยมากในเรื่องรอยดำไหม้ อาการปวดเจ็บ เมื่อเปรียบเทียบกับการกำจัดขนด้วยเลเซอร์ ส่วนมากการกำจัดขนด้วย IPL จะพบเพียงรอยแดง แต่ไม่เกิน 1 อาทิตย์ก็หายเป็นปกติ และไม่จำเป็นต้องหยุดงาน หรือเตรียมตัวอะไรก่อนการกำจัดขน นอกจากนี้ยังสามารถทำได้กับทุกสภาพสีผิว
- ได้มีการเปรียบเทียบคนไข้ที่กำจัดขนด้วยเครื่อง IPL และเลเซอร์ พร้อมบันทึกผลของการรักษาไว้ดังนี้ เมื่อติดตามผลการกำจัดขนเพียง 1 ครั้ง ใน 3, 6, 12 เดือน IPL จะพบอัตราขนขึ้นใหม่เพียง 49-54% เมื่อเปรียบเทียบกับเลเซอร์ ซึ่งจะพบขนขึ้นใหม่ถึง 68-72%
- นอกจากนี้ เมื่อได้บันทึกการกำจัดขนด้วยเครื่อง IPL และเลเซอร์ เกิน 4-6 ครั้ง ใน 12 เดือน IPL จะพบอัตราขนขึ้นใหม่เพียง 22% เมื่อเปรียบเทียบกับเลเซอร์ ซึ่งจะพบขนขึ้นใหม่ถึง 46-62%
ดังนั้นจึงนับได้ว่า ในทศวรรษนี้การกำจัดขนได้มีวิวัฒนาการมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในประสิทธิภาพในการกำจัดขน และผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น และคาดว่าในทศวรรษหน้า คงได้ข่าวดีๆ ด้านนี้เพิ่มมากขึ้น
จำเป็นหรือไม่ที่ต้องกำจัดขน
ถึงแม้ว่าขนบริเวณอวัยวะเพศ โดยเฉพาะบริเวณในที่ลับจะมีส่วนช่วยในการลดแรงกระแทกและเสียดสี หรือป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในบริเวณนั้นก็จริงอยู่ แต่ในทางการแพทย์ได้ให้ความเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ได้จำเป็นหรือกำจัดไม่ได้ เพราะการสวมเสื้อผ้าและชุดชั้นในก็สามารถป้องกันได้ดีอยู่แล้ว แพทย์บางคนยังให้ความเห็นว่ามันอาจจะถูกสุขลักษณะกว่าด้วยซ้ำ เพราะจะไม่เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคลและไม่ก่อให้เกิดกลิ่นอับชื้น
เข้าสถานบริการหรือทำเองดี
การกำจัดขนหน้าแข้ง ขนรักแร้ ขนแขน สามารถทำได้เองอยู่แล้ว แต่อาจมีกระบวนการซับซ้อนอยู่บ้าง มืออาชีพทำได้ดีกว่า ให้ผลที่สะอาดและเกลี้ยงเกลากว่าการทำเอง เพราะช่างจะรู้และมีเทคนิคในการกำจัดขน เช่น ดึงขึ้นในมุม 40 องศา รวมทั้งมีความชำนาญและแม่นยำในการแปะแผ่นดึงขน และดึงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง 2 กระบวนการนี้สำคัญและมีผลต่อความเกลี้ยงเกลา ถ้าแน่ใจว่าสามารถทำได้อย่างช่างก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องพึ่งร้าน แต่ถ้าไม่แน่ใจก็เข้าร้านจะดีกว่าค่ะ
ทำเองควรเลือกแบบไหน
ขอแนะนำให้ใช้แวกซ์เย็นจะง่ายและสะดวกกว่า อีกทั้งยังหาซื้อได้ตามร้าน ก่อนตัดสินใจซื้อขอให้เลือกแบบโปร่งใส เพราะจะได้เห็นทิศทางที่จะดึงขน และเห็นว่าทาขี้ผึ้งครอบคลุมทั่วพื้นที่หรือไม่ ส่วนข้อเสียเล็ก ๆ น้อย ๆ คือ ตัวขี้ผึ้งของแวกซ์เย็นจะมีความสามารถในการติดขนได้น้อยกว่าแบบร้อน
การรักษาอาการบวมแดงหลังการแวกซ์
อาการบวมแดงมักเกิดขึ้นบริเวณบิกินี่ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันและปลายประสาทจำนวนมาก จึงเป็นเหตุให้เกิดการบวมแดงได้ง่าย เพื่อหลีกเลี่ยงอาการดังกล่าว ลองละลายยาเม็ดแอสไพรินสัก 2 - 3 เม็ด กับกลีเซอรีน 1 หยด และ น้ำสะอาด 1 ถ้วย ผสมกัน นำมาทาบริเวณที่แวกซ์ขนหรืออาจทาครีมที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อด้วยก็ได้
ทราบกันแบบนี้แล้ว ร้อนนี้คงได้เห็นสาว ๆ โชว์เรียวขาสวยกันเต็มชายหาด แต่... อย่าประมาทรังสียูวีนะคะ ทาครีมกันแดดก่อนอย่างน้อย 30 นาทีค่ะ