ริมฝีปาก... อวัยวะที่เย้ายวนที่สุดบนใบหน้า เพราะเป็นส่วนที่บ่งบอกได้ดีถึงอารมณ์ ความรู้สึก และนิสัยของผู้เป็นเจ้าของ หากเปรียบดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ริมฝีปากก็คือหน้าต่างของอารมณ์นั่นเอง

ยามอารมณ์แจ่มใส รอบกายมีแต่สิ่งสวยงาม เรียวปากย่อมแย้มยิ้ม แสดงความรู้สึกสุขใจ แต่เมื่อใดเกิดความไม่พอใจหรือไม่สบอารมณ์ เรียวปากน้อย ๆ ก็อาจเหยียดตรง หลุบลง หรือเม้มไว้ บ่งบอกความรู้สึกขัดใจ แม้แต่ศาสตร์โหงวเฮ้งของจีนเองก็ยังยกให้ปากเป็นอวัยวะสำคัญที่บ่งบอกลักษณะนิสัยใจคอ บุคลิก และวิถีชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ เรียวปากจึงมีความสำคัญมิใช่น้อย และเป็นอวัยวะสำคัญที่เจ้าของไม่ควรละเลย และด้วยเหตุผลที่ริมฝีปากสามารถสะท้อนความนัยไปถึงอวัยวะอันลึกเร้นของเพศหญิง จุดประสงค์ใหญ่ของการทาปาก จึงเป็นไปเพื่อดึงดูดใจเพศตรงข้ามให้หลงใหลในความชุ่มฉ่ำเย้ายวน

เรียวปากสวยดังใจ
หญิงสาวทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากมีริมฝีปากสวยงามได้รูป หากใครเกิดมาพร้อมริมฝีปากที่ลงตัวสมสัดส่วนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่หากสาวใดไม่โชคดีขนาดนั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าเป็นเรื่องใหญ่โต เพราะการแต่งแต้มและเพิ่มสีสันให้เรียวปากจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่มีเรียวปากที่สดใส ทุกส่วนของใบหน้าก็จะดูแจ่มใสเจิดจ้าขึ้นได้อย่างน่าแปลกใจ ลิปสติกจึงเป็นเครื่องสำอางที่สำคัญที่สุดมาตลอดทุกยุค ขนาดสาว ๆ เมื่อ 5,000 ปีก่อน เขาก็ยังใช้สีสันจากธรรมชาติมาทาปากกันแล้ว

ริมฝีปากสวย ยั่วใจ

ขั้นตอนที่ 1 บำรุงเรียวปาก

ปากที่ทาลิปสติกได้สวยจะต้องเนียนเรียบไม่แห้งแตกเป็นขุย ดังนั้นก่อนทาลิปสติกจึงควรรองพื้นปากด้วยครีมบำรุงริมฝีปากหรือลิปบาล์มเพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้น ควรทาลิปบาล์มทันทีหลังจากการทาครีมบำรุงผิวหน้า เพื่อให้ลิปบาล์มมีเวลาซึมซาบเข้าไปบำรุงผิวปากได้ในขณะที่แต่งใบหน้าส่วนอื่น และเมื่อแต่งหน้าส่วนอื่นเสร็จแล้วจึงใช้กระดาศทิชชูซับลิปบาล์มที่เหลือออกอย่างเบามือ ริมฝีปากจะชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้นในทันทีโดยไม่ทิ้งความมันไว้และสีลิปสติกที่ทาทับลงไปจะติดได้ทนนาน
เคล็บลับ หากต้องการให้สีสันของลิปสติกติดทนนานกว่าเดิม ควรทารองพื้นให้ทั่วริมฝีปากก่อนทาลิปสติก

ขั้นตอนที่ 2 เขียนขอบปาก

เพื่อเน้นริมฝีปากให้เด่นชัดขึ้น ป้องกันไม่ให้สีลิปสติกซึมเลอะขอบปาก และในบางสถานการณ์ยังสามารถช่วยแก้ไขรูปทรงของปากได้ด้วย โดยเริ่มจากการเลือกดินสอเขียนขอบปากที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิวปากตามธรรมชาติ หรือคล้ายกับสีลิปสติกที่จะทาให้มากที่สุด บรรจงใช้ดินสอเขียนไปตามรูปขอบปากตามธรรมชาติ ถ้ามือไม่นิ่งพอ ให้วางข้อศอกลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วค่อย ๆ เขียนจะช่วยได้มากเลยค่ะ หลีกเลี่ยงการเขียนขอบปากให้เลยออกมานอกริมฝีปากมากเกินไป เพราะเมื่อสีลิปสติกจางลง เส้นขอบปากจะเด่นจนน่าเกลียด ส่วนถ้าใครอยากวาดขอบปากเพื่อแก้ไขรูปปาก แนะนำว่า ถ้าอยากให้เรียวปากดูบางลง ให้เขียนขอบปากเลยเข้าไปในริมฝีปากเล็กน้อย แต่ถ้าอยากให้ปากดูเต็มอิ่มขึ้นก็วาดขอบปากให้เลยริมฝีปากจริงออกมา โดยเคล็ดลับที่ทำให้เส้นขอบปากไม่โดดจนเกินไปก็คือ ให้ใช้พู่กันทาปากแห้ง ๆ ไล้ไปตามเส้นขอบปากที่เขียนไว้ จะทำให้ขอบปากดูนุ่มขึ้นได้ในทันที และหากอยากให้สีลิปสติกติดทนนานยิ่งขึ้นก็สามารถใช้ดินสอเขียนขอบปากระบายให้ทั่วแทนลิปสติกได้ โดยตั้งดินสอให้ด้านข้างของเนื้อสีชิดกับริมฝีปากเพื่อให้ทาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ตบท้ายด้วยการใช้พู่กันจุ่มลิปบาล์มทาเคลือบริมฝีปากบาง ๆ เพื่อป้องกันปากแห้งแตก ส่วนดินสอแท่งใหญ่ที่ใช้ทาปากโดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่า ชับบี้สติ๊ก (Chubby Stick) นั้น ไม่ควรนำมาใช้เขียนขอบปากเพราะมีส่วนผสมที่เป็นเนื้อครีมมากเกินไป ซึ่งจะทำให้ขอบปากเลอะเทอะได้ง่าย
เคล็ดลับ อากาศร้อน ๆ อย่างนี้จะทำให้เนื้อดินสอเขียนขอบปากนิ่มและหักง่าย ก่อนใช้ให้นำไปแช่ตู้เย็น หรือนำมาจุ่มน้ำเย็นสักครู่ จะช่วยให้เนื้อดินสอแข็งขึ้น

ขั้นตอนที่ 3 เลือกเนื้อและสีลิปสติกให้เหมาะกับตัวเอง

หากอยากหาซื้อลิปสติกที่ถูกใจสักแท่ง สาว ๆ คงต้องคิดกันหลายตลบ เพราะลิปสติกมีมากมายหลายสีหลากเฉด แถมยังไม่รู้ว่าลิปสติกสีไหนชนิดใดกันแน่ที่เหมาะกับตัวเอง คำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้การเลือกลิปสติกเป็นเรื่องง่ายและสนุกขึ้นค่ะ

วิธีเลือกชนิดของลิปสติก

ลิปสติกเนื้อด้าน (Matte Lipstick)
เหมาะกับการเน้นสีสันของริมฝีปาก เป็นชนิดที่ติดทนนานที่สุดเพราะมีส่วนผสมของแป้งในเปอร์เซ็นต์สูง แต่เมื่อทาแล้วปากจะแห้งมาก แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนส่วนผสมของเนื้อลิปสติกจากแป้งมาเป็นโพลีเมอร์และซิลิโคน เพื่อช่วยให้ปากชุ่มชื้นขึ้น หรือลองผสมลิปสติกเนื้อด้านเข้ากับลิปบาล์ม อาจทำให้ติดทนนานน้อยลงไปบ้างแต่ริมฝีปากจะชุ่มชื้นมากขึ้น

ริมฝีปากสวย...ยั่วใจ

ลิปสติกเนื้อประกาย (Shimmer Lipstick)
เนื้อคล้ายลิปสติกแบบครีม แต่มีส่วนผสมของไมก้าและไททาเนียมไดออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงและเพิ่มประกาย ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มขึ้นและมีสีสันติดทนพอสมควร เป็นลิปสติกที่เหมาะกับฤดูร้อน


ลิปสติกเนื้อครีม (Cream Lipstick)
สีแบบทึบแสงของลิปสติกชนิดนี้จะช่วยให้ริมฝีปากดูเต็ม อวบอิ่มและอ่อนเยาว์ เนื้อลิปสติกที่เนียนเรียบยังช่วยให้การทาปากสีเข้มดูอ่อนโยนและเย้ายวนขึ้น วิธีที่ดีที่สุดในการทาลิปสติกชนิดนี้คือ ทาชั้นแรกแล้วควรใช้กระดาษทิชชูซับริมฝีปากก่อน จากนั้นใช้พู่กันระบายทับลงไป วิธีนี้จะช่วยให้สีสันติดทนนานขึ้นกว่าเดิม

ริมฝีปากสวย...ยั่วใจ

ลิปสติกเนื้อบางใส (Sheer Lipstick)
เนื้อบางเบาของลิปสติกชนิดนี้จะเผยให้เห็นสีของริมฝีปากจริง ทำให้ดูสวยเป็นธรรมชาติ ให้ความชุ่มชื้นสูง แต่จะไม่ติดทนนาน

ริมฝีปากสวย...ยั่วใจ

ลิปกลอส (Gloss)
จะช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื้นและดูอ่อนเยาว์ ทั้งยังทำให้ปากเรียบเนียนได้ดีกว่าลิปสติกทั่วไป จะใช้ทาเดี่ยว ๆ เพื่อเน้นสีธรรมชาติของริมฝีปากเพียงอย่างเดียว หรือทาทับลงไปบนลิปสติกเพื่อเพิ่มความเงางามหรือเป็นไฮไลท์ก็ได้

วิธีเลือกลิปสติก
สีสันของลิปสติกมีหลายเฉด หลากโทน รวม ๆ แล้วก็มากมายหลายร้อยสี สิ่งสำคัญที่สุดในการตัดสินใจเลือกสีใดก็ตาม คือ อย่าให้แรงดึงดูดแห่งสีสันของลิปสติกเหล่านั้นมีพลังอำนาจมากกว่าตัวตนจริง ๆ ของเรา ควรจะเลือกสีลิปสติกที่บ่งบอกความเป็นตัวตนจริง ๆ ของเรามากกว่า

เลือกสีตามฤดูกาล
ในฤดูร้อนที่ทุก ๆ อย่างรอบตัวสะท้อนแสงแดดเป็นประกายเช่นนี้ ควรเลือกสีลิปสติกที่เป็นประกาย สดใส แวววาว เพื่อให้ดูสดชื่น มีชีวิตชีวา ยามต้องแสงแดดจ้า ส่วนเมื่อท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสนักตอนย่างเข้าฤดูฝน สีลิปสติกที่เหมาะกับสีเทาอึมครึมของท้องฟ้าคือสีชมพูอมม่วง สีน้ำตาลอมม่วง สีม่วงอ่อน หรือสีชมพูนู้ด ก็เหมาะเช่นกัน พอถึงฤดูหนาว สีสันทุกอย่างจะดูเคร่งขรึม โดยเฉพาะบนเวทีแฟชั่นที่สีสันจะเข้มข้นขึ้น หนักขึ้น เด่นชัดขึ้น สีลิปสติกจึงควรจะเข้มอย่างสีไวน์ แดงเบอร์กันดี ม่วงพลัม น้ำตาลช็อกโกแลต ให้เข้ากับสีผ้าทึม ๆ และเนื้อผ้าที่หนา หนัก

ขั้นตอนที่ 4 แต้มสีให้เรียวปาก
ผู้หญิงส่วนใหญ่นิยมทาลิปสติกโดยตรงจากแท่งหรือใช้วิธีป้ายด้วยปลายนิ้ว แต่การทาลิปสติกที่ถูกต้องที่สุดคือการใช้พู่กันทาปากซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากสำหรับช่างแต่งหน้า เพราะนอกจากจะระบายสีได้สวยเสมอกันทั่วทั้งปากแล้ว ยังทำให้สีติดทนนานขึ้นด้วย เพราะพู่กันจะเกลี่ยสีได้อย่างพอเหมาะพอดี และยังเป็นผลพลอยได้ให้ประหยัดลิปสติกได้ด้วย นอกจากนี้ยังทำให้สีลิปสติกกับเส้นขอบปากที่วาดไว้ กลมกลืนกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เคล็ดลับ ควรมีพู่กันทาปากแบบเก็บใส่ปลอกติดตัวไว้ เพื่อจะได้มีพู่กันสะอาด ๆ ไว้แต้มเติมเรียวปากได้ทุกเวลา ควรเลือกชนิดที่มีขนแปรงยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร (1/3 นิ้ว) ซึ่งเป็นขนาดที่ไม่สั้นไม่ยาว เพื่อควบคุมการทาปากให้เที่ยงตรงที่สุด

ใส่ใจดูแลเรียวปาก
ผิวหนังบริเวณริมฝีปากนั้นทั้งบอบบางและละเอียดอ่อนกว่าผิวส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า และยังอ่อนแอพอ ๆ กับผิวรอบดวงตา เนื่องจากไม่มีต่อมน้ำมันสำหรับเคลือบป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้น เราจึงควรใส่ใจดูแลและปกป้องริมฝีปากเป็นพิเศษจากสิ่งรบกวนต่าง ๆ เช่น แสงอาทิตย์ ลม ความร้อน ความแห้งจากเครื่องปรับอากาศ และแม้แต่การเลียริมฝีปากบ่อย ๆ ซึ่งส่งผลให้ริมฝีปากแห้ง แตก หรือลอกเป็นขุย สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่มชุ่มชื่นและดูอ่อนเยาว์ก็คือ

  1. ลิปบาล์ม หรือที่เรียกกันติดปากว่าลิปมันนั่นเอง ส่วนผสมหลักของลิปบาล์ม มาจากสารที่เป็นไขมันหรือคอเลสเตอรอล เช่น ขี้ผึ้งหรือคาร์นูบาแว็กซ์ ที่ช่วยเคลือบริมฝีปากและเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ ในปัจจุบันได้มีการผสมสารกันแดดลงไปในลิปบาล์มหรือลิปสติกจำนวนมากด้วย เนื่องจากพบว่าผิวบริเวณริมฝีปากนั้นแทบจะไม่มีเมลานินซึ่งเป็นกลไกหลักในการป้องกันแสงแดดอยู่เลย เป็นเหตุให้ปากแห้ง แตกหรือไหม้ได้ง่าย ดังนั้นการใช้ลิปสติกหรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของสารกันแดดทุกวันจึงจำเป็นเช่นเดียวกับการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเลยทีเดียว
  2. เมื่ออายุมากขึ้น ริมฝีปากจะยิ่งสูญเสียไขมันและยิ่งบางลง ผิวรอบริมฝีปากก็จะเริ่มมีริ้วรอยปรากฏให้เห็น ดังนั้นขณะที่ทาครีมบำรุงผิวหน้าจึงไม่ควรลืมบำรุงผิวปากด้วย โดยใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ใช้กับผิวหน้าซึ่งมีส่วนผสมของวิตามินเอ ซี อี และสารป้องกันแสงแดดซึ่งช่วยปกป้องผิวจากการทำลายของอนุมูลอิสระ อันจะนำมาซึ่งการแก่ก่อนวัย และควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ซึ่งจะทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินไปจากผิวด้วย
  3. การใช้มาสค์พอกหน้ามาพอกบริเวณริมฝีปากก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยบำรุงผิวปากได้ แต่ควรเลือกใช้มาสค์ชนิดที่เพิ่มความชุ่มชื้น (Moisture Mask) เท่านั้น
  4. การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและการดื่มน้ำมาก ๆ ก็สามารถช่วยบำรุงรักษาผิวปากได้เช่นกัน ควรดื่มน้ำสะอาดไม่น้อยกว่าวันละ 6-8 แก้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ร่างกายและริมฝีปาก
  5. การบริหารเรียวปากเพื่อชะลอวัยให้ริมฝีปากไร้ริ้วรอย ทำได้โดย นั่งลงที่หน้ากระจกในตอนเช้า ผ่อนคลายร่างกายทุกส่วนให้มากที่สุด ทำทีละขั้นตอนอย่างช้า ๆ เท่าที่จะทำได้ โดยเริ่มจาก
    • ฉีกยิ้มให้มุมปากทั้งสองกางออกไปด้านข้างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ หุบกลับมา ทำซ้ำกันประมาณ 20-30 ครั้ง จะช่วยไม่ให้มุมปากตกและเกิดริ้วรอยรอบมุมปาก ทั้งยังช่วยให้กล้ามเนื้อขากรรไกรแข็งแรงขึ้นด้วย
    • พูดคำว่า เอ อี ไอ โอ ยู ต่อกันประมาณ 15-20 ครั้ง พูดช้า ๆ ชัด ๆ ทีละคำ จะช่วยแก้อาการเมื่อยปากได้มาก

เคล็ดลับแห่งเรียวปากสวย

  1. ในยามคับขันและขาดแคลนลิปสติกจริง ๆ ให้ใช้บลัชออนสีชมพูและอายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อนมาขยี้รวมกันบนฝ่ามือ แล้วผสมลิปบาล์มหรือปิโตรเลียมเจลลี่ลงไป เท่านี้ก็ใช้ทาปากแทนลิปสติกได้แล้ว
  2. หากไม่อยากให้เส้นขอบปากโดดออกมาเกินไปนัก ให้เขียนขอบปากหลังจากการทาลิปสติกแล้ว เพราะความลื่นของเนื้อลิปสติกจะช่วยให้เขียนขอบปากได้ง่ายขึ้น และจะได้เส้นขอบปากที่ไม่โดดจนเห็นชัดเกินไปด้วย
  3. ซื้อลิปสติกมา 5 สี สามารถนำมาผสมกันได้เป็นร้อยสี โดยควรจะมีสีชมพู สีน้ำตาลเข้ม สีแดง สีส้ม และสีใส ๆ ประกายมุกอีก 1 สี แล้วสนุกกับการสร้างสรรค์สีปากด้วยตัวคุณเองได้เลย
  4. ถ้าไม่อยากทิ้งลิปสติกแท่งเก่าที่ทาจนกุดแล้ว ให้หาตลับเล็ก ๆ มาหนึ่งตลับ หรือตลับอายแชโดว์เก่าก็ได้ ใช้ช้อนเล็ก ๆ หรือไม้สะอาด ๆ ค่อย ๆ แคะลิปสติกจากแท่งมาใส่ในตลับ ก็จะได้ลิปสติกสีถูกใจไว้ใช้อีกพักใหญ่
  5. ถ้าขอบปากตามธรรมชาติไม่ชัดเจนหรือไม่สม่ำเสมอ แก้ไขได้ด้วยการใช้ดินสอเขียนขอบปาก โดยเลือกสีที่ใกล้เคียงกับริมฝีปากจะดีที่สุด
  6. หากทาลิปสติกเลยเข้าไปทางด้านในของริมฝีปากจนไม่แน่ใจว่าจะเลอะฟันหรือไม่ ให้ทำเหมือนนางแบบ โดยยิงฟันเอาไว้ แล้วเอานิ้วชี้วางตามแนวนอนระหว่างริมฝีปาก หุบปากเข้ามาจนริมฝีปากด้านในชนกับนิ้ว สีที่จะเลอะฟัน จะมาติดอยู่ที่นิ้วแทน
  7. หากเขียนขอบปากเลอะออกมา แก้ไขได้โดยใช้กระดาษทิชชูซับริมฝีปาก แล้วใช้คอตตอนบัดลบขอบปากให้หมด จากนั้นใช้นิ้วแตะคอนซีลเลอร์ทาเบา ๆ ให้รอบขอบปาก ค่อย ๆ เกลี่ยให้กลมกลืน ใช้นิ้วตบแป้งฝุ่นทับเบา ๆ แล้วจึงค่อยวาดขอบปากใหม่
  8. วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาปากเป็นขุยคือใช้วาสลีนทาปากให้หนา ๆ แล้วเอาแปรงสีฟันค่อย ๆ ขัดริมฝีปากให้ขุยหลุดออก
  9. เวลารีบ ๆ ควรทาลิปสติกสีชมพูอมน้ำตาลที่เข้ากับสีปากธรรมชาติจะดีกว่าทาด้วยสีแดงหรือสีเข้มมาก ๆ เพราะสีเข้มต้องการความแน่นอนและเที่ยงตรงในการทา ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่า
  10. คนที่มีริมฝีปากเล็ก แก้ไขได้โดยใช้คอนซีลเลอร์ที่มีคุณสมบัติช่วยกระจายแสงทาให้ทั่วขอบปาก จะทำให้เส้นขอบปากเดิมดูจางลง
  11. ถ้าปากแห้งหรือแตก ให้ทาลิปบาล์มที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 และทาซ้ำบ่อย ๆ ตลอดวันโดยไม่ต้องรอให้ปากแห้ง
  12. สำหรับคนที่ริมฝีปากเป็นร่อง แก้ไขได้โดยทาอายแชโดว์สีขาวลงไปตามร่องปาก แล้วทาลิปสติกทับ ประกายของอายแชโดว์จะสะท้อนแสงช่วยกลบรอยของร่องปากได้

ปากบอกนิสัย
ตำรานรลักษณ์ศาสตร์ของจีนให้ความสำคัญกับอวัยวะทุกส่วนบนใบหน้า ตั้งแต่คิ้วใช้ทำนายชื่อเสียงเกียรติยศ ดวงตาบอกถึงความคิดสติปัญญา จมูกทำนายทรัพย์สินและฐานะ หูบอกอำนาจและอายุ และท้ายสุดคือปากนั้นบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยได้

  • ปากใหญ่ เป็นคนกระตือรือร้น ชอบดิ้นรนหาสิ่งแปลกใหม่ เปี่ยวด้วยพลังชีวิต เสาะแสวงหาประสบการณ์ความรู้ใส่ตน
  • ปากเล็ก เป็นคนจิตใจหวั่นไหวง่าย มักเก็บกด มีความใฝ่ฝันและทะเยอทะยาน เช่น ปากของออเดรย์ แฮปเบิร์น
  • ปากอิ่ม เป็นคนที่มีอารมณ์โรแมนติก มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม
  • มุมปากโค้งเล็กน้อย เป็นคนมีจิตใจเข้มแข็งและมีความมั่นใจในตนเองสูงมาก ไม่ว่าจะถูกหรือผิด และไม่ค่อยยอมฟังเหตุผล
  • มุมปากโค้งขึ้น เป็นคนมีความสามารถในการปกครองที่ดี  บริหารงานโดยใช้สติปัญญา มีความรับผิดชอบสูง ร่าเริง เปิดเผย และมีเสน่ห์ในตัวเอง
  • ปากอ้าหรือเผยอ เป็นคนที่มีจิตใจดีงาม อารมณ์ดี เปิดเผย มองโลกในแง่ดี แต่มักลังเล เช่น ปากของแองเจลีน่า โจลี่
  • มีเส้นลึกรอบริมฝีปาก เป็นคนจับจน ทำงานทีละหลายอย่างแต่มักไม่สำเร็จสักอย่างและค่อนข้างตระหนี่ถี่เหนียว
  • ปากบาง เป็นคนมีเหตุผล มีความคิดดี สามารถเก็บความรู้สึกและควบคุมตนเองได้ดี ฉลาดเฉลียว รู้เท่าทันคน
  • ปากคว่ำ เป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ใจตนเอง แต่มีความตั้งใจแน่วแน่ ซึ่งปากรูปแบบนี้ค่อนข้างจะหายาก
  • ริมฝีปากล่างหนาเต็มอวบอิ่ม เป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง ขี้หึง เช่น ปากของบริตนี่ย์ สเปียร์ส
  • ริมฝีปากล่างห้อยและเต็มอิ่ม เป็นคนชอบแสดงอำนาจ เช่น ปากของนาโอมิ แคมป์เบลล์
  • ปากรูปพระจันทร์เสี้ยว เป็นคนมีจิตใจร่าเริง แจ่มใส มองโลกในแง่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์อ่อนไหว โรแมนติก และมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เช่น ปากของอูม่า เทอร์แมน
  • ปากบางและกว้าง เป็นคนมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงาน มั่นใจในตัวเองสูง จิตใจเข้มแข็ง เย่อหยิ่งทะนงตน และบ้าอำนาจ เช่น ปากของจูเลีย โรเบิร์ตส์
  • ปากรูปหัวใจ เป็นคนอ่อนแอ อ่อนไหว นิ่มนวล ถ้าเป็นผู้ชายก็จะมีจิตใจคล้ายผู้หญิง

เรื่องของริมฝีปากที่คนอยากรู้
ผิวบริเวณริมฝีปากแตกต่างจากผิวบริเวณอื่นอย่างไร
ผิวบริเวณริมฝีปากเป็นส่วนที่ไวต่อความรู้สึกที่สุดของร่างกาย เนื่องจากเป็นจุดรวมของปลายประสาทนับล้านเส้น ทั้งยังเปลี่ยนแปลงง่าย และบอบบางจนเกือบจะโปร่งใส นอกจากนี้ยังปราศจากต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ และรูขุมขน

ทำไมริมฝีปากจึงไวต่อความแห้งและแตกลอกง่าย
เนื่องจากผิวบริเวณริมฝีปากบอบบางกว่าบริเวณอื่น จึงตอบสนองต่อการระคายเคืองได้รวดเร็ว การใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากจะช่วยชะลอการสูญเสียความชุ่มชื้นให้ช้าลง ลดอาการระคายเคืองที่เกิดจากการแตกลอก และช่วยยับยั้งอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย

สภาพแวดล้อมมีผลต่อริมฝีปากหรือไม่
ริมฝีปากเป็นอวัยวะที่อ่อนไหวต่อผลกระทบจากภายนอก เช่น สายลม แสงแดด และสารพิษในสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ เพราะปราการในการป้องกันตัวเองของริมฝีปากนั้นอ่อนแอมาก ทั้งยังเป็นส่วนที่มีปริมาณเมลานินน้อย จึงได้รับผลกระทบจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตได้มาก

ริมฝีปากของผู้หญิงและผู้ชายแตกต่างกันหรือไม่
แม้ว่าผิวหนังบริเวณใบหน้าและร่างกายของหญิงและชายจะต่างกัน แต่ผิวหนังบริเวณริมฝีปากนั้นเหมือนกัน คือ มีความบอบบางและเปลี่ยนสภาพง่าย แต่ริมฝีปากของผู้หญิงจะทนต่อปัจจัยภายนอกได้มากกว่า เพราะผู้หญิงมักทาลิปสติกซึ่งช่วยปกป้องริมฝีปากได้

ลิปบาล์มป้องกันริมฝีปากได้จริงหรือ
การใช้ลิปบาล์มอย่างสม่ำเสมอจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก จึงสามารถป้องกันความแห้งจากสายลม สารระคายเคือง และความร้อนสูง ๆ ได้ เนื่องจากในลิปบาล์มมักมีส่วนผสมหลัก คือ กรดไขมันและคอเลสเตอรอล อันเป็นองค์ประกอบตามธรรมชาติของปราการที่ปกป้องความชุ่มชื้นและช่วยซ่อมแซมผิวหนังชั้นนอกสุดของเรียวปากได้ นอกจากนั้นก็ยังอาจมีส่วนผสมอื่นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาผิวปากและต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ ซี และอี ฯลฯ